พนักงานรักษาความปลอดภัย คืออะไร เผยความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้

พนักงานรักษาความปลอดภัย ถือเป็นด่านแรกในการป้องกันภัยและสร้างความอุ่นใจให้กับทุกองค์กร ในยุคที่ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ งานรักษาความปลอดภัยจึงไม่ใช่แค่การเฝ้าประตูหรือตรวจตราทั่วไป แต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีต้องมีการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

พนักงานรักษาความปลอดภัย คืออะไร?

พนักงานรักษาความปลอดภัย คือ ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมพิเศษในด้านการรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ที่รับผิดชอบ พวกเขาต้องผ่านการอบรมเฉพาะทางทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะ Security Guards ที่ให้บริการรักษาความปลอดภัยระดับมืออาชีพ พวกเขาไม่เพียงเฝ้าระวังภัย แต่ยังต้องมีทักษะการประเมินสถานการณ์และการตัดสินใจที่แม่นยำ รวมถึงความสามารถในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ความสำคัญของพนักงานรักษาความปลอดภัย

บริการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันมีความสำคัญมากขึ้นกว่าที่เคย เนื่องจากภัยคุกคามมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น

  1. การป้องกันการโจรกรรมและอาชญากรรม
  2. การระงับเหตุเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  3. การประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
  4. การให้ความช่วยเหลือผู้มาติดต่อและผู้พักอาศัย
  5. การบริหารจัดการจราจรและพื้นที่จอดรถ

พนักงาน รปภ. ที่ผ่านการฝึกอบรมจะสามารถประเมินความเสี่ยงและป้องกันเหตุร้ายก่อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสมบัติของพนักงานรักษาความปลอดภัย ต้องมีอะไรบ้าง?

งานรักษาความปลอดภัยต้องการบุคลากรที่มีคุณสมบัติเฉพาะ นอกเหนือจากสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยยังต้องมีคุณสมบัติดังนี้

ด้านบุคลิกภาพและการควบคุมอารมณ์

  • วุฒิภาวะทางอารมณ์สูง: พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องมีความสามารถในการจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดี ไม่แสดงความก้าวร้าวหรือความไม่พอใจในสถานการณ์ที่ตึงเครียด
  • การควบคุมสติในสถานการณ์กดดัน: มีความสามารถในการตัดสินใจและตอบสนองอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้หรือการบุกรุก
  • ความอดทนและใจเย็น: งานรักษาความปลอดภัยมักต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องรอคอยหรือแก้ไขปัญหา พนักงานจึงต้องมีความอดทนสูง
  • ความรับผิดชอบสูง: การรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น

ด้านการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์

  • การสื่อสารที่ชัดเจน: สามารถอธิบายและแจ้งข้อมูลได้เข้าใจง่าย เพื่อประสานงานหรือให้คำแนะนำกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  • การประสานงานทุกระดับ: มีทักษะในการทำงานร่วมกับทีมและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในองค์กรและหน่วยงานภายนอก
  • มนุษยสัมพันธ์ที่ดี: การสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจให้กับผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลความปลอดภัย
  • การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า: สามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ด้านความรู้และทักษะเฉพาะทาง

  • ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: เข้าใจกฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น การจับกุมผู้บุกรุกหรือการจัดการเหตุฉุกเฉิน
  • ทักษะการป้องกันตัว: มีความสามารถในการป้องกันตัวหรือผู้อื่นในสถานการณ์คับขัน
  • ความรู้เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย: เข้าใจการทำงานของกล้องวงจรปิด ระบบเตือนภัย หรือระบบล็อกอัตโนมัติ
  • การใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน: เช่น ถังดับเพลิง เครื่อง AED (เครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ) หรือวิทยุสื่อสาร

การมีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้ พนักงานรักษาความปลอดภัย สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความไว้วางใจให้กับองค์กรและบุคคลที่ได้รับการดูแล

พนักงานรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่อะไรบ้าง?

พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือ Security Guards มีบทบาทสำคัญในการดูแลและปกป้องความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินในสถานที่ต่าง ๆ โดยหน้าที่หลักของพวกเขาครอบคลุมหลายด้านเพื่อให้มั่นใจว่าสถานที่นั้นปลอดภัยและปราศจากความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่าง ๆ ดังนี้

1. ตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกพื้นที่

พนักงานรักษาความปลอดภัยจะทำหน้าที่ตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะที่เข้าออกในพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการบุกรุกหรือการนำสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในพื้นที่ เช่น การตรวจบัตรประจำตัว หรือการบันทึกข้อมูลการเข้า-ออก

2. เฝ้าระวังและตรวจตราความเรียบร้อยตลอด 24 ชั่วโมง

การตรวจตราพื้นที่เป็นประจำในช่วงเวลาที่กำหนด หรือการเฝ้าระวังผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นหน้าที่สำคัญที่ช่วยลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เช่น การโจรกรรมหรือการก่อกวน

3. บันทึกและรายงานเหตุการณ์ผิดปกติ

พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องสังเกตความผิดปกติในพื้นที่ เช่น การพบวัตถุต้องสงสัยหรือการกระทำที่น่าสงสัย และบันทึกข้อมูลดังกล่าวลงในรายงานประจำวัน รวมถึงแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเหตุการณ์ที่ต้องแก้ไข

4. ประสานงานกับหน่วยงานฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยจะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานฉุกเฉิน เช่น ตำรวจ หรือหน่วยดับเพลิง เพื่อจัดการสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

5. ดูแลระบบรักษาความปลอดภัยให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการปฏิบัติงานในพื้นที่ พนักงานรักษาความปลอดภัยยังต้องดูแลอุปกรณ์และระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้องวงจรปิด ระบบเตือนภัย หรือระบบล็อกประตูอัตโนมัติให้ทำงานได้อย่างปกติ และรายงานการชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ทันที

ควรมียามรักษาความปลอดภัยกี่คนในการดูแลพื้นที่

จำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่แต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และระดับความปลอดภัยที่ต้องการ รวมถึงความซับซ้อนของการดำเนินงาน โดยมีแนวทาง ดังนี้

  • อาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก: พื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ร้านค้า หรืออาคารที่มีผู้เข้าออกไม่มาก อาจต้องการพนักงานรักษาความปลอดภัยเพียง 1 – 2 คนต่อกะ เพียงพอสำหรับการเฝ้าระวังและตรวจสอบการเข้าออก
  • อาคารสำนักงาน: อาคารที่มีหลายชั้นและมีผู้ใช้งานจำนวนมาก อาจต้องการจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 – 4 คนต่อกะ เพื่อดูแลทั้งทางเข้าออก ลานจอดรถ และพื้นที่ส่วนกลาง
  • ศูนย์การค้าหรือโรงงาน: พื้นที่ขนาดใหญ่และมีผู้คนหรือทรัพย์สินสำคัญจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรม อาจต้องการพนักงาน 4 – 8 คนต่อกะ เพื่อรองรับการตรวจตราในหลายจุด รวมถึงการจัดการเหตุฉุกเฉิน
  • สถานที่สำคัญพิเศษ: สถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สนามบิน ธนาคาร หรือสถานที่ราชการ ควรจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีจำนวนมากกว่าสถานที่ทั่วไป ตามระดับความเสี่ยงและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย อาจรวมถึงทีมเฉพาะกิจหรืออุปกรณ์ช่วยเฝ้าระวัง

การวางแผนจำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของพื้นที่ ความหนาแน่นของผู้ใช้งาน และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เพื่อให้สามารถดูแลพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

ยามกับรปภ. ต่างกันหรือไม่?

ยาม และ พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) มีเป้าหมายหลักที่เหมือนกัน คือ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบ แต่มีความแตกต่างในด้านทักษะและความเชี่ยวชาญ โดยยามมักปฏิบัติหน้าที่ขั้นพื้นฐาน เช่น การเฝ้าระวังพื้นที่หรือการตรวจสอบการเข้า – ออกของบุคคลและยานพาหนะ ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านการอบรมที่ซับซ้อน เน้นการปฏิบัติตามคำสั่งและแนวทางทั่วไปที่กำหนด

ในขณะที่ พนักงานรักษาความปลอดภัย ได้รับการฝึกอบรมที่เข้มข้นและครอบคลุมกว่า มีความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานรักษาความปลอดภัย รวมถึงทักษะเฉพาะทาง เช่น การจัดการเหตุฉุกเฉิน การป้องกันตัว และการใช้อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น กล้องวงจรปิดหรือระบบเตือนภัย จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการดูแลระดับมืออาชีพและมีความเสี่ยงสูง เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานที่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

สรุป

งานรักษาความปลอดภัยในปัจจุบันต้องการมากกว่าแค่การเฝ้ายาม พนักงานรักษาความปลอดภัยมืออาชีพ ต้องผ่านการฝึกอบรม มีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ทั้งด้านเทคนิคและกฎหมาย และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ การเลือกใช้บริการจากบริษัทที่มีมาตรฐานจะช่วยยกระดับความปลอดภัยขององค์กรของคุณ หากคุณต้องการบริการงานรักษาความปลอดภัยระดับมืออาชีพ บริษัทรักษาความปลอดภัย ไอ เอส เอส พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยของคุณ!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพนักงานรักษาความปลอดภัย

พนักงานรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่อะไรบ้าง?

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ครอบคลุมหลายด้าน ไม่เพียงแค่การเฝ้าระวังทั่วไป แต่ยังรวมถึง

  • การบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด
  • การประเมินความเสี่ยงและป้องกันเหตุ
  • การจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การประสานงานกับหน่วยงานภายนอก
  • การจัดทำรายงานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง

Security Officer ทำหน้าที่อะไรบ้าง?

Security Officer มีหน้าที่ในส่วนของงานรักษาความปลอดภัยครอบคลุมการควบคุมการเข้าออก การตรวจตราพื้นที่ การบันทึกเหตุการณ์ และการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ยามกับรปภ. เหมือนกันไหม?

แม้ทั้งสองตำแหน่งจะทำงานด้านความปลอดภัยเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างสำคัญ ดังนี้

  • ระดับการฝึกอบรม: พนักงาน รปภ. ได้รับการฝึกอบรมที่เข้มข้นและต่อเนื่องมากกว่า
  • ขอบเขตงาน: เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีความรับผิดชอบที่กว้างและซับซ้อนกว่า
  • มาตรฐานการปฏิบัติงาน: งานรักษาความปลอดภัยมีระเบียบและขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานมากกว่า

พนักงานรักษาความปลอดภัยมีอำนาจในข้อใด?

บริการรักษาความปลอดภัยมีขอบเขตอำนาจตามกฎหมาย ดังนี้

  1. การตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกในพื้นที่รับผิดชอบ
  2. การตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะตามระเบียบที่กำหนด
  3. การจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้าและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  4. การป้องกันและระงับเหตุเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉิน
  5. การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ
Scroll to Top
บริษัทรักษาความปลอดภัยและศูนย์ฝึกอบรมหลักสูตรรักษาความปลอดภัย ไอ เอส เอส กำแพงเพชรพิทักษ์ทรัพย์
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.